ปัญหาของผู้ใช้รถกับค่ายรถยนต์ดูจะมีข่าวให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายรถยนต์มาสด้า ที่ดูจะเป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งข่าวที่มาสด้าฟ้องร้องลูกค้าแต่ในที่สุดก็แพ้คดี  ซึ่งข่าวล่าสุดก็ยังแพ้คดีอีกเช่นเคย โดยศาลพิพากษาให้ผู้บริโภคชนะคดีมาสด้า ซีเอ็กซ์ – 5 ดีเซล เหตุเครื่องยนต์ชํารุดบกพร่องจริง พร้อมสั่งค่ายรถมาสด้าชดเชยค่าเสียหายรวมกว่า 9 แสนบาท นอกจากนี้ก็ยังมีคดีแบบกลุ่มของผู้ใช้มาสด้า ซีเอ็กซ์ 5 ดีเซล ที่พบปัญหาในลักษณะเดียวกัน แต่ยังรอการพิจารณาคดีอยู่  



          เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายศิรา โอสถธรรม ทนายความของผู้เสียหาย จากการซื้อรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ดีเซล (Mazda CX-5 SKYACTIV-D 2.2 L) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาให้บริษัทมาสด้า จ่ายค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งได้รับความเสียหายจากการซื้อรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ดีเซล โดยให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยพร้อมค่าเสียหายทางจิตใจ และค่าเสียหายเชิงลงโทษ มูลค่ารวมประมาณ 9 แสนบาทเศษ



         ทั้งนี้ ศาลจังหวัดชลบุรีได้มีการนําสืบเรื่องความชํารุดบกพร่องและความเสียหายของรถว่า เกิดจากการผลิตหรือไม่ ซึ่งพบข้อมูลพยานหลักฐานเรื่องอาการน้ำดันในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย และไต้หวัน ว่ามีผู้เสียหายที่ใช้รถรุ่นนี้พบเจอปัญหาแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าในประเทศไทยมีรถยนต์รุ่นนี้หลายคันได้มีการจดทะเบียน และมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ที่กรมขนส่งทางบกมากกว่าหนึ่งครั้ง

          นายศิรา กล่าวด้วยว่า เดิมผู้เสียหายรายนี้ (โจทก์) ได้ซื้อรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 (Mazda CX-5) รุ่นสกายแอคทีฟ (Skyactiv) เครื่องยนต์ดีเซล เมื่อใช้งานรถยนต์ไปได้ประมาณ 90,000 กิโลเมตรเศษ กลับพบปัญหา ‘น้ำดัน’ คือ จะพบน้ำจากระบบหล่อเย็นรั่วออกมาตรงบริเวณหม้อพักน้ำหล่อเย็นในห้องเครื่องยนต์ หรือมีน้ำยาหล่อเย็นกระจายเต็มภายในฝากระโปรงรถยนต์ จึงนำรถเข้าศูนย์บริการมาสด้า โดยช่างได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ใหม่



           แต่เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่งก็พบปัญหาเดิม แต่ภายหลังศูนย์บริการมาสด้า และบริษัท มาสด้าเซลล์ จำกัด (ประเทศไทย) ปฏิเสธการเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ผู้เสียหาย ทั้งที่อยู่ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะผู้เสียหายรายนี้ เพราะเมื่อปี 2562 มีผู้ซื้อรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 รุ่นสกายแอคทีฟ เครื่องยนต์ดีเซล พบปัญหาในลักษณะเดียวกัน

           ต่อมาจึงได้รวมตัวกันเพื่อยื่นฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่มต่อบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีขายรถยนต์ที่มีความชำรุดบกพร่อง ซึ่งรวมถึงผู้เสียหายรายนี้ด้วย และศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งรับเป็นคดีแบบกลุ่ม โดยปัจจุบันคดีแบบกลุ่มดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้



           ต่อมาผู้เสียหายได้นํารถเข้าศูนย์บริการมาสด้า เมื่อศูนย์บริการทราบว่าผู้เสียหายรายนี้เป็นสมาชิกคดีกลุ่มที่กําลังฟ้องร้องอยู่ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศูนย์บริการจึงยื่นข้อเสนอว่าจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้หากออกจากสมาชิกกลุ่ม ผู้เสียหายจึงยอมรับข้อตกลง 

           แต่หลังจากนั้นกลับพบว่าศูนย์บริการไม่ทำตามข้อตกลง โดยอ้างว่าก่อนหน้านี้ผู้เสียหายไปเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นมาแล้วจากอู่นอก ที่ไม่ใช่ศูนย์บริการของมาสด้า จึงทำให้รถยนต์เกิดอาการน้ำดัน และไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ได้ แต่เสนอแนวทางแก้ไขอื่นที่ผู้เสียหายต้องจ่ายเงินเอง 



           ดังนั้นผู้เสียหายรายนี้ จึงได้ปรึกษาทนายความและตัดสินใจฟ้องคดีด้วยตนเอง ในช่วงปลายเดือนเมย.2564 ที่ศาลจังหวัดชลบุรี และเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567 ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาให้บริษัทมาสด้าจ่ายค่าเสียหายให้กับตัวผู้ใช้รถซึ่งเป็นผู้เสียโดยมีค่าชดเชยพร้อมค่าเสียหายทางจิตใจ และค่าเสียหายเชิงลงโทษ มีมูลค่ารวมประมาณ 9 แสนบาทเศษดังกล่าว

          นายศิรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ความยากของคดีประเภทแบบนี้ คือ เรื่องของการค้นหาเอกสารพยานหลักฐาน เพื่อนำประกอบการฟ้องร้องหรือสืบพยาน เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ให้ความร่วมมือเรื่องข้อมูลหรือพยายามปกปิดข้อมูลเช่น คดีที่ศาลจังหวัดชลบุรี ศาลได้มีคำสั่งเรียกพยานเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการชำรุดบกพร่องของรถยนต์จากผู้ประกอบการ



          แต่ผู้ประกอบการไม่นำส่งต่อศาล เพราะอาจกลัวว่าจะทำให้ตนเองเสียเปรียบในทางคดี ส่งผลให้การค้นหาพยานหลักฐาน หรือพิสูจน์เกี่ยวกับความชํารุดบกพร่องว่ามีอยู่จริงเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการมักจะกล่าวโทษว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์นั้นๆ เป็นความผิดของผู้บริโภคเอง

          สำหรับผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกคดีแบบกลุ่ม (ผู้ใช้รถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 รุ่นสกายแอคทีฟ เครื่องยนต์ดีเซล) นั้น ขอให้รอฟังคำพิพากษาคดีแบบกลุ่มว่าจะมีคำตัดสินอย่างไร ซึ่งหากชนะคดีก็สามารถติดตามและขอรับชำระหนี้ได้ หากศาลพิพากษาให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบหรือชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ใช้รถยนต์ หรือหากเป็นการตกลงประนีประนอมยอมความ อาจมีการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ใช้รถยนต์



          แต่หากสมาชิกคดีแบบกลุ่มพิจารณาแล้ว คาดว่าผลการชดเชยอาจไม่คุ้มกับความเสียหายที่ได้รับ ก็สามารถออกจากคดีแบบกลุ่มก่อนศาลจะมีคำพิพากษา โดยต้องออกจากกลุ่มภายในระยะเวลาที่ศาลประกาศกำหนด และใช้สิทธิยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ด้วยตนเองได้ เพราะหากเป็นคดีเดี่ยว อาจได้รับการพิจารณาถึงความเสียหายของแต่ละคนหรือแต่ละกรณีอย่างละเอียด ทั้งจะได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละกรณีมากขึ้นตามความเสียหายแท้จริงที่ได้รับ
     
          ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่ใช้รถรุ่นดังกล่าวรอติดตามความคืบหน้าคำพิพากษาจากศาล ซึ่งสภาผู้บริโภคจะรายงานความคืบหน้าให้ผู้บริโภคทราบต่อไป สามารถติดตามได้ทางเฟซบุ๊กเพจ ‘สภาองค์กรของผู้บริโภค’

          อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม https://www.tcc.or.th/consumer-win-mazda-cx-5/